Facebook เริ่มก่อตั้งตั้งแต่ปี 2004 และในปี 2007 ก็ได้เปิด Facebook page ขึ้น ทำให้จำนวนผู้ใช้จากไม่ถึง 100 ล้านคนเป็น 2,000 ล้านคน และแบรนด์ธุรกิจ ต่าง ๆ ขยับมาทำ Facebook page กันยกใหญ่ ซึ่งในช่วงนั้นการทำเพจนั้นแตกต่างกับปัจจุบันอย่างมากเลยทีเดียว การทำ content อะไรก็แทบจะเข้าถึงผู้ใช้เกือบทั้งหมด
แต่แล้วในปี 2012 หลาย ๆ page admin พบว่าเพจของตนมี reach อยู่ที่ประมาณ 16% เอง ต่อจากนั้นจนถึงช่วงต้นปี 2014 ก็ลดลงเรื่อย ๆ มาอยู่ที่ 6.5% และอีกทีในปี 2016 ยอด reach ก็ลดเหลือแค่ 2% ซึ่งถ้ามี fan page ที่หลักล้านคน คนที่จะเห็น content จากเพจเราจะมีประมาณแค่ 20,000 นั่นเอง
ทั้งนี้การลดลงของ organic reach นั้นมีมาจาก 2 สาเหตุที่เข้าใจได้ง่ายสุดนั่นก็คือ
- การปรับเปลี่ยน algorithm ของ Facebook news feed ที่ระบบจะสามารถเรียนรู้พฤติกรรมการติดตาม content ของผู้ใช้ Facebook และจัดระเบียบ content แบบไหนต้องขึ้นหน้า feed ของคนนั้นได้
- จำนวนเพจที่มีมากขึ้นทุกปี และ content ที่เพิ่มขึ้นตาม ทำให้เพจต่าง ๆ ต้องแข่งขันด้านจำนวน content และคุณภาพของ content เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
แล้วจะรับมือกับการที่ Organic Reach ลดลงยังไงได้บ้าง?
- Be more selective – เลือกวิธีการโพสต์ เพราะการโพสต์เยอะ ๆ และภาวนาให้มันมีคน like, comment และ share เยอะ ๆ มันไม่ใช่วิธีที่ได้ผลที่สุดอีกต่อไป ลองสำรวจ fans ว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ และสนใจ content อะไรในเพจเรา แล้วทำ content นั้นพร้อมกับตอบโต้กับ fans ในโพสต์นั้น ๆ เพื่อรักษาสัมพันธ์ที่ดี
- Remind your fans – หมั่นแจ้ง fans ให้เลือกกด see first ใน following และยังสามารถดู page feeds ที่ตนเองกด like ไว้ได้โดยการกดที่ pages feed ใน menu bar ด้านซ้ายมือ
- Encourage your fans – บางครั้งการใช้คำอย่าง “หากชื่นชอบโปรดกด like กด share กันด้วย” เป็นวิธีง่าย ๆ แต่ก็ช่วยให้เหล่า fans อยู่กับเพจเราได้นานขึ้น
- Re-allocate time & effort – ปรับแผนการลง content ให้ own channel มาก่อนแล้ว channel อื่น ๆ ทีหลัง เช่นการทำ video content, case studies และ blog post ลงใน channel ของตนเองเพื่อให้เกิด inbound traffic ที่สม่ำเสมอ และก็อย่าลืมแบ่ง content เหล่านั้นมาลงที่เพจด้วย
- Facebook is a paid ad platform – การลง content โดยที่ไม่ลงเงินเลยมันก็ทำได้ แต่ว่าก็ไม่ทำให้เพจเราเติบโตได้โดยเร็ว ๆ แน่ ๆ ฉะนั้นการคิดถึงทางเลือกการลงเงินทำ Ads ก็ควรมีในช่วงที่ organic reach นั้นลดลงเรื่อย ๆ และถ้าคิดว่าการลง Ads นั้นจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลอย่างเดียวแล้ว มันก็ไม่เสมอไป การทำ Facebook ads ยังมี ads manager ให้ใช้เพื่อให้เลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำขึ้น
สำหรับ Facebook page admin แล้วถือว่าคุณจะต้องแข่งขันกับเพจด้วยกันและยังต้องแข่งขันกับ users, เพื่อน ๆ และครอบครัวของพวกเขาอีกด้วยเพื่อดึงความสนใจของพวกเขาให้ได้ ดังนั้นการดึงเอาแผนการ online marketing ต่าง ๆ มาใช้คู่กับการทำ content และใช้ feature ต่าง ๆ ของ Facebook เพื่อเพิ่ม engagement และการลงเงินในการทำ advertising ผสมเข้าไปเพื่อให้เพจเป็นที่น่าสนใจขึ้นและยังดึงลูกค้าเข้ามาด้วย
Fanpage : Aj Link
ติดตามข่าวสารไอที – www.ajlink.net
ที่มา: hubspot