Facebook เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด

Facebook ได้เคยประกาศก่อนหน้านี้ว่า Facebook กำลังทำฟีเจอร์ใหม่ให้ผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้สามารถรู้ได้ว่าบริษัทใดที่อัพโหลดชื่อ และข้อมูลเบอร์โทร หรืออีเมลของผู้ใช้ เพื่อทำการโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม หรือ targeted ad โดยหน้าตาของฟีเจอร์นี้จะมาในปุ่ม “Why am I seeing this?”

เมื่อผู้ใช้กดเข้าไปดูจะเห็นรายละเอียดว่า เพราะอะไรเราถึงเห็นโฆษณาชิ้นนี้ พาร์ทเนอร์ หรือบริษัทรายใด เป็นคนอัพโหลดข้อมูลของเรา และอัพโหลดเมื่อไร ซึ่งจากเดิมที่สามารถมองเห็นแค่ว่าแบรนด์อะไรที่ใช้ข้อมูลไปทำโฆษณาเจาะกลุ่มเท่านั้น

ล่าสุด Facebook ได้ประกาศเพิ่มความโปร่งใสในการซื้อโฆษณาของเพจต่างๆ ให้มากขึ้น โดยผู้ใช้งานทุกคน สามารถเข้าไปดูข้อมูลการโฆษณาจากเพจต่างๆ ได้ เพื่อช่วยกันตรวจสอบ และทำให้เพจมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งข้อมูลที่จะแสดงขึ้นมามี 2 อย่าง ได้แก่

– แสดงโฆษณาที่ Active อยู่ ที่เพจนั้นๆ ซื้อไว้อยู่ ซึ่งแสดงทั้งโฆษณาบน Facebook, Instagram, Messenger และเครือข่ายพาร์ทเนอร์ โดยจะแสดงทุกโฆษณา ถึงแม้โฆษณานั้นจะไม่ได้ Target เราก็ตาม

– ข้อมูลของเพจเพิ่มเติม ซึ่งจะแสดงข้อมูลเพจที่สำคัญ อาทิเช่น เพจมีการเปลี่ยนชื่อเมื่อใด, เพจมีการสร้างเมื่อใด เป็นต้น ซึ่งผู้ใช้จะสามารถเข้าไปดูได้ทุกเพจ แม้เพจนั้นจะไม่ได้ซื้อโฆษณาอยู่ก็ตาม

วิธีการเข้าดูข้อมูลเพจ

ผู้ใช้สามารถเข้าไปดูข้อมูลเหล่านี้ได้ โดยเข้าไปในหน้าเพจนั้นๆ และเลือก “Info and Ads” ที่ด้านมุมบนขวา และหากเห็นโฆษณาที่ไม่เหมาะสม ยังสามารถกดรายงานได้อีกด้วย

การเพิ่มความโปร่งใสของการลงโฆษณานี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนงานใหญ่ Facebook จากปัญหาข่าวปลอม และการซื้อโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการเมืองในช่วงที่ผ่านมา และ Facebook ก็ยังเปิดเผยข้อมูลผู้ลงโฆษณาการเมือง และให้ยืนยันตัวตนด้วยว่าเป็นองค์กรที่มีอยู่จริง ทั้งนี้ ก็เพื่อแก้ปัญหาข่าวปลอมที่จะเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง

นอกจากนี้ Facebook ยังมีหน้า Ad Preferences ที่จะแสดงข้อมูลบริษัทโฆษณา และธุรกิจที่มีการใช้ข้อมูลของเรา ซึ่งปัจจุบันผู้ใช้งานก็มีความอยากรู้มากขึ้นว่า Facebook เอาข้อมูลไปใช้ทำอะไรบ้างนั่นเอง โดยผู้ใช้สามารถเลือกกำหนดการตั้งค่าข้อมูลเหล่านี้ หรือเลือกจำกัดการเข้าถึงได้อีกด้วย

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณา

แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @ajlink ที่นี่

Fanpage : Aj Link

ติดตามข่าวสารไอที : www.ajlink.net 

ที่มา : Facebook