fbpx

หลังจากที่คุณพิกเซลของ Facebook ไปใช้ คุณจะสามารถเข้าถึงเครื่องมือการโฆษณาใหม่ๆ และเทคนิคมากมาย หนึ่งในสิ่งที่ทรงพลังมากที่สุดคือการปรับชุดโฆษณาของคุณให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่น (“การปรับให้เหมาะสมสำหรับคอนเวอร์ชั่น”) ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายบนเว็บไซต์ของคุณได้ ชุดคู่มือเหล่านี้แสดงให้คุณเห็นว่าจะใช้วิธีนี้ได้อย่างไร ตั้งแต่การวางรากฐานแห่งความสำเร็จไปจนถึงการปรับแต่งแคมเปญของคุณให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การเริ่มต้นใช้งานพิกเซลของ Facebook

ในบทความนี้ เราจะพูดถึงวิธีการติดตั้งพิกเซลลงบนเว็บไซต์ของคุณ การติดตามการดำเนินการบนเว็บไซต์ที่คุณสนใจ และการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิกเซลของคุณทำงานอย่างถูกต้อง หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพิกเซลก่อนเริ่มใช้งาน ให้ดู “ประโยชน์จากการติดตั้งพิกเซลของ Facebook”

ก่อนจะเริ่มต้น

  • คุณต้องมีเว็บไซต์สำหรับธุรกิจของคุณ
  • คุณต้องอัพเดตโค้ดของเว็บไซต์ได้

สร้างพิกเซลของ Facebook

    1. ไปที่แท็บ พิกเซล ใน “ตัวจัดการโฆษณา”
    2. คลิก “สร้างพิกเซล
    3. กรอกชื่อสำหรับพิกเซลของคุณ คุณมีพิกเซลได้เพียง 1 รายการต่อบัญชีผู้ใช้โฆษณา 1 บัญชี ดังนั้นให้เลือกชื่อที่สื่อถึงธุรกิจของคุณ
  1. ทำเครื่องหมายในช่องเพื่อยอมรับข้อกำหนด
  2. คลิก “สร้างพิกเซล

เพิ่มพิกเซลของ Facebook ในเว็บไซต์ของคุณ

เมื่อคุณสร้างพิกเซลของคุณแล้ว คุณก็พร้อมที่จะนำโค้ดพิกเซลของ Facebook ไปใส่ในเว็บไซต์ของคุณ เลือกข้อความด้านล่างที่ใกล้เคียงกับวิธีที่คุณทำการอัพเดตโค้ดของเว็บไซต์ของคุณมากที่สุดเพื่อรับคำแนะนำ:

บุคคลอื่นเป็นผู้อัพเดตเว็บไซต์ของฉัน

หากบุคคลอื่นเป็นผู้อัพเดตโค้ดของเว็บไซต์ของคุณ ให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อส่งคำแนะนำในการตั้งค่าพิกเซลของ Facebook บนเว็บไซต์ของคุณให้กับบุคคลนั้นทางอีเมล

    1. ไปที่เเท็บพิกเซลใน “ตัวจัดการโฆษณา”
    2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
    3. คลิก “อีเมลคำแนะนำไปยังผู้พัฒนา
    1. ใส่ที่อยู่อีเมลของผู้รับ
  1. คลิก “ส่ง” ที่ด้านล่างของหน้า
ฉันเป็นผู้อัพเดตโค้ดของเว็บไซต์ของฉัน
  • หาโค้ดส่วนหัวสำหรับเว็บไซต์ของคุณ

ตรวจสอบโค้ดของเว็บไซต์ของคุณและค้นหาส่วนหัวของเว็บไซต์

  • คัดลอกโค้ดทั้งหมดแล้ววางลงในส่วนหัวของเว็บไซต์ของคุณ

วางโค้ดไว้ที่ด้านล่างสุดของส่วนหัว เหนือแท็กที่ปิดส่วนหัว

  • ตรวจสอบว่าโค้ดของคุณทำงานอย่างถูกต้อง

คลิก “ส่งการเข้าชมทดสอบ” หลังจากใส่โค้ดลงบนเว็บไซต์ของคุณเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิกเซลของคุณทำงานอย่างถูกต้อง หากสถานะแสดงขึ้นมาว่า “กำลังใช้งาน” แสดงว่าคุณได้ติดตั้งโค้ดพื้นฐานอย่างถูกต้องแล้ว สถานะนี้อาจใช้เวลาในการอัพเดตหลายนาที

เว็บไซต์ของฉันใช้ตัวจัดการแท็ก หรือได้รับการโฮสต์บนแพลตฟอร์มเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยม

เลือกแพลตฟอร์มหรือตัวจัดการแท็กของคุณจากรายการนี้เพื่อให้การตั้งค่าพิกเซลของคุณง่ายกว่าเดิม หากคุณไม่พบแพลตฟอร์มของคุณในรายการนี้ ให้ลองดูหนึ่งในสองวิธีจากการตั้งค่าพิกเซลของคุณที่ด้านบน

แพลตฟอร์มเว็บไซต์มีดังนี้

  • WooCommerce

    ทำไมฉันจึงควรใช้พิกเซลของ Facebook

    • เข้าถึงลูกค้าได้ถูกกลุ่ม ค้นหาลูกค้าใหม่และปรับโฆษณาของคุณให้เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อสินค้าหลังจากเข้าชมเว็บไซต์ของคุณด้วยพิกเซลของ Facebook
    • วัดผลโฆษณาของคุณ ทำความเข้าใจยอดขายและรายได้ที่เกิดจากโฆษณาของคุณ ดูว่าข้อมูลใดที่คุณสามารถเห็นจากเพจพิกเซลของ Facebook ของคุณ

    หากคุณใช้ WooCommerce สำหรับเว็บไซต์และต้องการติดตั้งพิกเซลของ Facebook โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    1. ไปที่ “ส่วนพิกเซล” ในตัวจัดการโฆษณา
    2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
    3. คลิก “ใช้การผสานรวมหรือแท็กผู้จัดการ
    4. คลิก “WooCommerce
    5. คลิกลิงก์ “ดาวน์โหลด

    อัพโหลด Facebook สำหรับ WooCommerce

      1. เข้าสู่ระบบ WordPress
      2. คลิก “ปลั๊กอิน” แล้วคลิก “เพิ่มใหม่” ในแผงผู้ดูแล WordPress
    1. คลิก “เลือกไฟล์” และเลือก facebook-for-woocommerce.zip
    2. คลิก “ติดตั้งตอนนี้
    3. คลิก “เปิดใช้งาน
    4. คลิก “เสร็จสิ้นขั้นตอนการตั้งค่า” ในแบนเนอร์การแจ้งเตือนด้านบนของหน้าเพื่อเพิ่มเพจ Facebook, พิกเซล และร้านค้าของคุณ

    ตั้งค่าเพจ Facebook, พิกเซล และร้านค้าของคุณ (แนะนำ)

    หากคุณต้องการสร้างร้านค้า แค็ตตาล็อกสินค้า และโฆษณาแบบไดนามิกบน Facebook ด้วย จากนั้นให้ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเข้าถึงคุณสมบัติการโฆษณาขั้นสูงยิ่งขึ้นบน Facebook

      1. คลิก “เริ่มต้นใช้งาน
      1. คลิก “ถัดไป
      1. เลือกเพจ Facebook ของคุณจากเมนูดร็อปดาวน์แล้วคลิก “ถัดไป
      1. เลือกพิกเซลจากเมนูดร็อปดาวน์แล้วคลิก “ถัดไป
    1. คลิก “เสร็จสิ้น

    ค้นหาลูกค้าใหม่ที่เป็นไปได้ด้วยโฆษณาคอนเวอร์ชั่น

    สร้างแคมเปญโดยใช้วัตถุประสงค์คอนเวอร์ชั่นเพื่อดึงดูดนักช้อปรายใหม่ๆ ให้ไปที่เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันกับลูกค้าที่ดำเนินการแล้วที่คุณสนใจ (เช่น ทำการซื้อ) และค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้

    สร้างชุดสินค้า

    ชุดสินค้าของคุณควรมีสินค้าที่คุณต้องการโปรโมท ซึ่งอาจเป็น “รายการสินค้าสำหรับปีใหม่” หรือ “สินค้าสีชมพูทั้งหมด” หรือเพียงแค่ “สินค้าทั้งหมด” ก็ได้ หากคุณไม่มีพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ คุณจะเห็นคำแนะนำสำหรับการสร้าง

    เลือกการกำหนดลักษณะแคมเปญของคุณ
    1. ไปที่ “ตัวจัดการโฆษณา
    2. คลิก “สร้างโฆษณา
    3. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” เป็นวัตถุประสงค์การตลาดของคุณ
    4. พิมพ์ชื่อแคมเปญแล้วคลิก “ดำเนินการต่อ
    5. เลือกเว็บไซต์หรือแอพที่คุณต้องการโปรโมทแล้วเลือกคอนเวอร์ชั่นพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ

      เคล็ดลับ: เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน้อย 100 ครั้งทุกวัน ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณมักจะมียอดขายออนไลน์วันละ 3 ยอด เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์เช่น “หยิบใส่ตะกร้า” หรือ “การดูเนื้อหา” แทนการซื้อ
    6. เลือกกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง งบประมาณ และกำหนดเวลาของคุณ จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อ
    7. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” ใต้การปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสม
    8. เลือกช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณ ช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณควรอิงตามระยะเวลาที่บุคคลใช้ในการดำเนินการที่สร้างมูลค่าให้เสร็จสมบูรณ์ (หรือคอนเวอร์ชั่น) หลังจากดูโฆษณาของคุณ
    9. เลือก “อัตโนมัติ” เป็นมูลค่าราคาประมูลของคุณเพื่อให้ Facebook ปรับราคาประมูลสำหรับแคมเปญของคุณให้เหมาะสม หรือคุณสามารถเลือก “ด้วยตัวเอง” เพื่อตั้งค่าต้นทุนเป้าหมายต่อผลลัพธ์ของคุณเอง
    10. พิมพ์ชื่อชุดโฆษณาของคุณ
    11. คลิก “ดำเนินการต่อ
    สร้างโฆษณาคอนเวอร์ชั่นของคุณ

    เมื่อคุณเลือกการกำหนดลักษณะของแคมเปญคุณแล้ว (เช่น งบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง และการกำหนดเวลา) จากนั้นให้สร้างโฆษณาของคุณ ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเริ่มต้น:

      1. เลือกรูปแบบ “ภาพสไลด์” เพื่อนำเสนอสินค้าหลายชนิดในโฆษณาเดียว
      1. เชื่อมต่อกับเพจ Facebook และบัญชีผู้ใช้ Instagram สำหรับธุรกิจของคุณ หากมี
      2. เลือก “เติมข้อมูลชิ้นงานโฆษณาโดยอัตโนมัติด้วยเทมเพลต
      1. เลือก “เติมข้อมูลชิ้นงานโฆษณาโดยอัตโนมัติด้วยเทมเพลต” หากคุณต้องการให้ Facebook สร้างโฆษณาของคุณโดยใช้สินค้าจากแค็ตตาล็อกสินค้าหรือเว็บไซต์ของคุณ และปรับประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสม หรือคุณสามารถเลือก “เลือกชิ้นงานโฆษณาของคุณด้วยตัวเอง” หากคุณมีรูปภาพสินค้าที่คุณต้องการใช้สำหรับโฆษณาของคุณ
      2. เลือก “เติมข้อมูลเทมเพลตแบบไดนามิกจากชุดสินค้า
      3. คลิก “” เพื่อเลือกแค็ตตาล็อกสินค้าและชุดสินค้าของคุณด้วยตัวเอง และคุณยังสามารถใช้แค็ตตาล็อกสินค้าและชุดสินค้าที่ค่าเริ่มต้นเลือกให้ได้อีกด้วย
    1. พิมพ์ข้อความพาดหัวและคำอธิบายลิงก์ของคุณ ค่าเริ่มต้นของระบบจะนำเข้าข้อมูลในช่องกรอกข้อมูลเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อแสดงชื่อและราคาของสินค้าคุณ
    2. เลือกการกระตุ้นการดำเนินการ เช่น “ซื้อเลย

    ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณด้วยโฆษณาแบบไดนามิก

    หากคุณเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าหลายชนิด และคุณต้องการเข้าถึงผู้คนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ โฆษณาแบบไดนามิกอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    เมื่อคุณอัพโหลดสินค้าของคุณไปยัง Facebook แล้ว คุณจะสามารถใช้โฆษณาแบบไดนามิกเพื่อ:

    • ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณ สร้างโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องตั้งค่าโฆษณาแต่ละตัวด้วยตัวเอง
    • ค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้ เข้าถึงผู้คนใหม่ๆ ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอยู่เสมอหลังจากที่คุณตั้งค่าแคมเปญของคุณ
    • แสดงสินค้าที่ใช่ แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องให้ผู้คนบน Facebook และ Instagram ด้วยสินค้าที่พวกเขาได้ดูบนเว็บไซต์ของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณาแบบไดนามิกบน Facebook
    • เข้าถึงผู้คนได้ทุกที่บนทุกอุปกรณ์ แสดงโฆษณาให้กับผู้คนที่ใช้อุปกรณ์มือถือ เดสก์ท็อป และแท็บเล็ตบน Facebook และ Instagram
  • Wix
    หากคุณใช้ Wix Premium สำหรับเว็บไซต์และต้องการติดตั้งพิกเซลของ Facebook โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

    รับรหัสพิกเซลของ Facebook ของคุณ

    ถ้าคุณยังไม่ได้สร้างพิกเซลของ Facebook
      1. ให้ไปที่ส่วนพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “สร้างพิกเซล
      3. พิมพ์ชื่อพิกเซลของคุณ คุณมีพิกเซลได้เพียง 1 รายการต่อบัญชีผู้ใช้โฆษณา 1 บัญชี ดังนั้นให้เลือกชื่อที่สื่อถึงธุรกิจของคุณ
      4. ทำเครื่องหมายในช่องเพื่อยอมรับข้อกำหนด
      5. คลิก “สร้างพิกเซล
      6. คลิกที่ใดก็ได้ในรหัสพิกเซลของ Facebook เพื่อคัดลอก
    หากคุณสร้างพิกเซลของ Facebook ไว้แล้ว
      1. ให้ไปที่ส่วนพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
      1. คลิก “คัดลอกและวางรหัส
      1. คลิกที่ใดก็ได้ในรหัสพิกเซลของ Facebook เพื่อคัดลอก

    เพิ่มพิกเซลของ Facebook ในเว็บไซต์ของคุณ

      1. เข้าสู่ระบบ Wix
      2. คลิก “จัดการเว็บไซต์
      1. คลิก “โดเมน
      1. คลิก “จัดการโดเมน
      2. คลิก “การทำการตลาดซ้ำ
    1. วาง ID พิกเซลลงของคุณลงในส่วน “พิกเซลของ Facebook
    2. คลิก “ส่ง

     ติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ของคุณ

    เมื่อคุณได้สร้างพิกเซลของ Facebook และติดตั้งลงในเว็บไซต์ของคุณ คุณจะเริ่มเข้าถึงการกำหนดเป้าหมายของกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายได้มากขึ้น รวมถึงตัวเลือกในการวัดผล รวมถึง:
    • การสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ตามการดำเนินการของผู้คนในเว็บไซต์ของคุณ เช่น คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีผู้คนซึ่งได้เยี่ยมชมหน้าร้านค้าของคุณแต่ไม่ได้ทำคอนเวอร์ชั่น จากนั้นตั้งค่าแคมเปญการตลาดใหม่ของ Facebook
    • การหาลูกค้าที่มีศักยภาพซึ่งคล้ายกับผู้คนที่มีการดำเนินการที่คุณสนใจในเว็บไซต์ของคุณ เช่น ทำการซื้อ โดยสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันตามผู้คนที่ทำเหตุการณ์ในการซื้อสมบูรณ์

    หากคุณได้สร้าง Wix Store แล้ว คุณสามารถติดตามจำนวนผู้คนที่มาเยี่ยมชมเพจสินค้าของคุณ เพิ่มสินค้าลงในตะกร้า หรือทำการซื้อได้ เพื่อให้เข้าใจคุณค่าของการดำเนินการที่ผู้คนทำบนเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น เราแนะนำให้คุณไปที่เว็บไซต์สนับสนุนของ Wix เพื่อช่วยตั้งราคาซื้อสินค้าของคุณหากคุณยังไม่ได้ดำเนินการ

    หากคุณยังไม่ได้สร้าง Wix Store โปรดไปที่ Wix เพื่อขอความช่วยเหลือในการสร้างร้านค้าเพื่อเริ่มวัดผลเหตุการณ์เหล่านี้บนเพจของคุณ

    ตรวจสอบว่าพิกเซลของคุณทำงานอยู่หรือไม่

    หลังจากคลิก “บันทึก/เผยแพร่” ที่ด้านบนสุดของแดชบอร์ด Tealium คุณควรตรวจดูว่าพิกเซลของคุณทำงานตามปกติหรือไม่ วิธีตรวจสอบว่าพิกเซลของคุณทำงานตามปกติ

      1. ไปที่หน้าเว็บที่ใช้วางพิกเซล หากพิกเซลทำงาน ก็จะส่งข้อมูลกลับมาที่ Facebook และคุณจะเห็นกิจกรรมในหน้าพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา และสถานะของพิกเซลจะตั้งเป็น “ใช้งานอยู่” โปรดทราบว่า คอลัมน์กิจกรรมทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่นทั้งหมด โดยไม่สำคัญว่า กิจกรรมเหล่านี้จะมีความเชื่อมโยงกับโฆษณาหรือไม่ก็ตาม
      1. หากไม่ได้ผล (ยังไม่มีกิจกรรม ไม่มีกิจกรรมล่าสุด) ใช้ ตัวช่วยพิกเซลของ Facebook เพื่อแก้ไขปัญหา โปรดทราบว่าคุณต้องใช้เบราว์เซอร์ Chrome เพื่อให้พิกเซลทำงานได้ตามปกติ เมื่อติดตั้งตัวช่วยพิกเซลเรียบร้อยแล้ว ไอคอนขนาดเล็ก  จะปรากฏอยู่ด้านข้างแถบที่อยู่เว็บไซต์ของคุณ ไปยังเว็บไซต์ของคุณโดยใช้เบราว์เซอร์ Chrome แล้วคลิกที่ไอคอนตัวช่วยพิกเซล

    หน้าต่างป๊อปอัพจะอธิบายว่ามีพิกเซลใดที่อยู่ในหน้านั้น และพิกเซลนั้นมีการโหลดอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ไม่เช่นนั้น จะมีการแสดงเคล็ดลับสาเหตุที่มีการโหลดไม่สมบูรณ์

  • Shopify

    การใช้ Shopify บน Facebook

    คุณต้องการอัพเดตพิกเซลของ Facebook ของคุณหรือไม่ หากคุณตั้งค่าพิกเซลโดยเพิ่มรหัสไปยังเว็บไซต์ คุณจะต้องลบรหัสพิกเซลเก่าเพื่อใช้การผสานการทำงานอัตโนมัติของ Shopify โดยไม่เกิดการแสดงการรายงานผลข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    หากคุณใช้เว็บไซต์บน Shopify คุณสามารถสร้างพิกเซลของ Facebook ได้โดยที่ไม่ต้องแก้ไขรหัสใดๆ บนเว็บไซต์ของคุณ

    ทำไมฉันจึงควรใช้พิกเซลของ Facebook

    • เข้าถึงลูกค้าที่ถูกกลุ่ม ค้นหาลูกค้าใหม่บน Facebook, Instagram และ Audience Network ปรับโฆษณาของคุณให้เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มทำการซื้อหลังจากเยี่ยมชมไซต์ของคุณ
    • วัดผลโฆษณาของคุณ ทำความเข้าใจยอดขายและรายได้ที่เกิดจากโฆษณาของคุณ ดูว่าข้อมูลใดที่คุณสามารถเห็นจากหน้าพิกเซลของ Facebook ของคุณได้

     ตั้งค่าพิกเซลของ Facebook ของคุณ

      1. ไปที่แท็บ พิกเซล ใน “ตัวจัดการโฆษณา”
      2. คลิก “สร้างพิกเซล
      3. กรอกชื่อสำหรับพิกเซลของคุณ คุณมีพิกเซลได้เพียง 1 รายการต่อบัญชีผู้ใช้โฆษณา 1 บัญชี ดังนั้นให้เลือกชื่อที่สื่อถึงธุรกิจของคุณ
    1. ทำเครื่องหมายในช่องเพื่อยอมรับข้อกำหนด
    2. คลิก “สร้างพิกเซล

    เพิ่มพิกเซลไปยังบัญชีผู้ใช้ Shopify ของคุณ

    วิธีการมีดังต่อไปนี้:

    1. ไปที่ “ส่วนพิกเซล” ในตัวจัดการโฆษณา
    2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
    3. คลิก “ใช้การผสานการทำงานหรือตัวจัดการแท็ก
    4. คลิก “Shopify
    5. คลิก “กรอก ID พิกเซล
    6. คัดลอก ID พิกเซลของคุณ
    7. ไปที่ “แผงผู้ดูแลของ Shopify
    8. วาง ID พิกเซลลงในส่วนพิกเซลของ Facebook
    9. คลิก “บันทึก

     อัพโหลดสินค้าของคุณ

    เปิดใช้การชำระเงินด้วย Facebook จากผู้ดูแลของ Shopify และอัพโหลดข้อมูลสินค้าของคุณไปยังบัญชีผู้ใช้ Shopify

    หมายเหตุ: ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน คอลเลกชันและสินค้าของคุณต้องมองเห็นได้ในร้านค้าออนไลน์ของคุณ ดูคำแนะนำของ Shopify เพื่อทำให้คอลเลกชันและสินค้าของคุณมองเห็นได้ในช่องของ Facebook

    1. เข้าสู่ระบบ Shopify
    2. คลิกเครื่องหมาย + ถัดจากช่องการขายในผู้ดูแล Shopify
    3. คลิก “เรียนรู้เพิ่มเติม” ถัดจากช่องของ Facebook
    4. คลิก “เพิ่มช่อง”
    5. คลิก “Facebook” จากผู้ดูแล Shopify ของคุณ
    6. คลิก“เริ่มต้นใช้งาน”
    7. คลิก “เชื่อมต่อบัญชีผู้ใช้”
    8. อนุญาตให้ Shopify เชื่อมต่อกับเพจบน Facebook ธุรกิจของคุณและ Facebook จะทำการตรวจสอบยืนยันข้อมูลบัญชีผู้ใช้ของคุณ หลังจากที่บัญชีผู้ใช้ของคุณได้รับการยืนยัน คุณสามารถเปิดใช้การชำระเงินด้วย Facebook โดยใช้ผู้ดูแลของ Shopify

    คุณได้อัพโหลดสินค้าบน Shopify ไปยัง Facebook เสร็จสิ้นแล้ว

    หมายเหตุ: หากธุรกิจของคุณมีแค็ตตาล็อกหรือพิกเซลของ Facebook มากกว่าหนึ่ง คุณจะต้องระบุว่าคุณจะเชื่อมโยงพิกเซลของ Facebook ใดกับแค็ตตาล็อกใด หากต้องการเชื่อมโยงพิกเซลของคุณ ให้นำทางไปยังหน้า “การตั้งค่า” ใน “ตัวจัดการธุรกิจ” ให้คลิก “แค็ตตาล็อก” จากนั้นเลือกแค็ตตาล็อก แล้วคลิก “เชื่อมโยงแหล่งที่มา” เลือกพิกเซลหรือแอพที่คุณต้องการที่จะจับคู่กับแค็ตตาล็อกนี้

     ค้นหาผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าใหม่ด้วยโฆษณาคอนเวอร์ชั่น

    สร้างแคมเปญโดยใช้วัตถุประสงค์คอนเวอร์ชั่นเพื่อดึงดูดนักช้อปรายใหม่ๆ ให้ไปที่เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันกับผู้คนที่ดำเนินการแล้วที่คุณสนใจ (เช่น ทำการซื้อ) และค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้

    สร้างชุดสินค้า

    ชุดสินค้าของคุณควรมีสินค้าที่คุณต้องการโปรโมท ซึ่งอาจเป็น “รายการสินค้าสำหรับปีใหม่” หรือ “สินค้าสีชมพูทั้งหมด” หรือเพียงแค่ “สินค้าทั้งหมด” ก็ได้ หากคุณไม่มีพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ คุณจะเห็นคำแนะนำสำหรับการสร้าง

    เลือกการกำหนดลักษณะแคมเปญของคุณ
    1. ไปที่ “ตัวจัดการโฆษณา
    2. คลิก “สร้างโฆษณา
    3. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” เป็นวัตถุประสงค์การตลาดของคุณ
    4. พิมพ์ชื่อแคมเปญแล้วคลิก “ดำเนินการต่อ
    5. เลือกเว็บไซต์หรือแอพที่คุณต้องการโปรโมทแล้วเลือกคอนเวอร์ชั่นพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ

      เคล็ดลับ: เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน้อย 100 ครั้งทุกวัน ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณมักจะมียอดขายออนไลน์วันละ 3 ยอด เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์เช่น “หยิบใส่ตะกร้า” หรือ “การดูเนื้อหา” แทน

      การซื้อ

    6. เลือกกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง งบประมาณ และกำหนดเวลาของคุณ จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อ
    7. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” ใต้การปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสม
    8. เลือกช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณ ช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณควรอิงตามระยะเวลาที่บุคคลใช้ในการดำเนินการที่สร้างมูลค่าให้เสร็จสมบูรณ์ (หรือคอนเวอร์ชั่น) หลังจากดูโฆษณาของคุณ
    9. เลือก “อัตโนมัติ” เป็นมูลค่าราคาประมูลของคุณเพื่อให้ Facebook ปรับราคาประมูลสำหรับแคมเปญของคุณให้เหมาะสม หรือคุณสามารถเลือก “ด้วยตัวเอง” เพื่อตั้งค่าต้นทุนเป้าหมายต่อผลลัพธ์ของคุณเอง
    10. พิมพ์ชื่อชุดโฆษณาของคุณ
    11. คลิก “ดำเนินการต่อ
    สร้างโฆษณาของคุณ

     ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณด้วยโฆษณาแบบไดนามิก

    หากคุณเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าหลายชนิด และคุณต้องการเข้าถึงผู้คนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ โฆษณาแบบไดนามิกอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ

    เมื่อคุณอัพโหลดสินค้าของคุณไปยัง Facebook แล้ว คุณจะสามารถใช้โฆษณาแบบไดนามิกเพื่อ:

    • ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณ สร้างโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องตั้งค่าโฆษณาแต่ละตัวด้วยตัวเอง
    • ค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้ เข้าถึงผู้คนใหม่ๆ ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอยู่เสมอหลังจากที่คุณตั้งค่าแคมเปญของคุณ
    • แสดงสินค้าที่ใช่ แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องให้ผู้คนบน Facebook และ Instagram ด้วยสินค้าที่พวกเขาได้ดูบนเว็บไซต์ของคุณ เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโฆษณาแบบไดนามิกบน Facebook
    • เข้าถึงผู้คนได้ทุกที่บนทุกอุปกรณ์ แสดงโฆษณาให้กับผู้คนที่ใช้อุปกรณ์มือถือ เดสก์ท็อป และแท็บเล็ตบน Facebook และ Instagram
  • Squarespace

    การใช้พิกเซลของ Facebook ด้วย Squarespace

    หากคุณใช้ Squarespace สำหรับเว็บไซต์และต้องการติดตั้งพิกเซลของ Facebook โปรดทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

     รับรหัสพิกเซลของ Facebook ของคุณ

    ถ้าคุณยังไม่ได้สร้างพิกเซลของ Facebook
      1. ให้ไปที่ส่วนพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “สร้างพิกเซล
      3. พิมพ์ชื่อพิกเซลของคุณ คุณมีพิกเซลได้เพียง 1 รายการต่อบัญชีผู้ใช้โฆษณา 1 บัญชี ดังนั้นให้เลือกชื่อที่สื่อถึงธุรกิจของคุณ
      4. ทำเครื่องหมายในช่องเพื่อยอมรับข้อกำหนด
      5. คลิก “สร้างพิกเซล
      6. (ไม่บังคับ) คลิกไอคอนปิดเปิดเพื่อเปิดใช้งานการจับคู่ขั้นสูง
      1. คลิกที่ใดก็ได้ในรหัสพิกเซลของ Facebook เพื่อคัดลอก
    หากคุณสร้างพิกเซลของ Facebook ไว้แล้ว
      1. ให้ไปที่ส่วนพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
      1. คลิก “คัดลอกและวางรหัส
      1. (ไม่บังคับ) คลิกไอคอนปิดเปิดเพื่อเปิดใช้งานการจับคู่ขั้นสูง
      1. คลิกที่ใดก็ได้ในรหัสพิกเซลของ Facebook เพื่อคัดลอก

    เพิ่มพิกเซลของ Facebook ในเว็บไซต์ของคุณ

      1. เข้าสู่ระบบ Squarespace
      2. เลือกเว็บไซต์ของคุณ
      3. ในเมนูหน้าแรก ให้คลิก “การตั้งค่า
      4. คลิก “ขั้นสูง
      5. คลิก “การใส่รหัส
      6. วางรหัสพิกเซลของ Facebook ลงไปในกล่องส่วนหัว
      7. (ไม่บังคับ) พิมพ์ลงใน em: ‘{customerEmailAddress}’ ในบรรทัดที่ 9 เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่อยู่อีเมลของลูกค้าเพื่อช่วยให้คุณปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่น
    1. คลิก “บันทึก” ที่มุมซ้ายบน

     ติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ของคุณ

    เมื่อคุณได้สร้างพิกเซลของ Facebook และติดตั้งลงในเว็บไซต์ของคุณ คุณจะสามารถเข้าถึงการกำหนดเป้าหมายของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น รวมถึงตัวเลือกในการวัดผลโดยวางรหัสเหตุการณ์ในหน้ารหัสของเว็บไซต์
    • สร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่ตามการดำเนินการของผู้คนในเว็บไซต์ของคุณ เช่น คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีผู้คนซึ่งได้เยี่ยมชมหน้าร้านค้าของคุณแต่ไม่ได้ทำคอนเวอร์ชั่น จากนั้นตั้งค่าแคมเปญการตลาดใหม่ของ Facebook
    • หาลูกค้าที่มีศักยภาพซึ่งคล้ายกับผู้คนที่มีการดำเนินการที่คุณสนใจในเว็บไซต์ของคุณ เช่น ทำการซื้อ โดยสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันตามผู้คนที่ทำเหตุการณ์ในการซื้อสมบูรณ์

    การเริ่มต้นใช้งาน

    เพิ่มรหัสเหตุการณ์ไปยังเว็บไซต์ของคุณเพื่อติดตามการดำเนินการที่คุณสนใจ เช่น การเยี่ยมชมเพจ การซื้อ และจำนวนรายการที่ผู้คนเพิ่มลงในตะกร้า
    ติดตามการเยี่ยมชมเพจของผู้คนที่มาเยี่ยมชมหน้าร้านค้าของคุณ
      1. ไปที่เเท็บพิกเซลในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
      1. คลิก “คัดลอกและวางรหัส
      1. คลิก “ติดตั้งรหัสเหตุการณ์
      1. คลิก “ดูเนื้อหา” และคลิกเพื่อคัดลอกรหัสการดูเนื้อหา
      1. เข้าสู่ระบบ Squarespace
      2. เลือกเว็บไซต์ของคุณ
      3. ในเมนูหน้าแรก ให้คลิก “การตั้งค่า
      4. คลิก “ขั้นสูง
      5. คลิก “การใส่รหัส
      6. วางรหัสการดูเนื้อหาในส่วนท้ายเพื่อให้สามารถติดตามการเยี่ยมชมแต่ละหน้าในเว็บไซต์ของคุณ
    1. คลิก “บันทึก” ที่มุมซ้ายบน

    หมายเหตุ: ค่าแสดงถึงการประมาณการเยี่ยมชมเพจของคุณว่ามีค่าเท่าใด เช่น ถ้าขนาดการสั่งซื้อโดยเฉลี่ยของคุณคือ 100 ดอลลาร์สหรัฐและผู้เยี่ยมชม 2 ในทุก 100 คน ตามประวัติของเว็บไซต์ของคุณ ดังนั้นค่าของการเยี่ยมชมเพจของคุณคือ 2 ดอลลาร์สหรัฐ

    ติดตามการซื้อของผู้คนในเว็บไซต์ของคุณ
      1. ไปที่เเท็บพิกเซลในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “ตั้งค่าพิกเซล
      1. คลิก “คัดลอกและวางรหัส
      1. คลิก “ติดตั้งรหัสเหตุการณ์
      1. เลือก “การซื้อ” แล้วคลิกเพื่อคัดลอกรหัสการซื้อ
      1. เข้าสู่ระบบ Squarespace
      2. เลือกเว็บไซต์ของคุณ
      3. ในเมนูหน้าแรก ให้คลิก “การตั้งค่า
      4. คลิก “ขั้นสูง
      5. คลิก “การใส่รหัส
      6. วางรหัสจากขั้นตอนที่ 5 ในส่วนหน้าการยืนยันคำสั่งซื้อ
    1. เปลี่ยนข้อความหลัง “ค่า” ในรหัสของคุณเป็น “{OrderGrandTotal}” เช่น ในรูปภาพด้านบน เราลบจำนวนดอลลาร์ซึ่งมีค่า “247.35” จากรหัสและพิมพ์ “{OrderGrandTotal}” แทน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะช่วยให้คุณติดตามค่าของการซื้อตามจริงได้ดีที่สุด ซึ่งลูกค้าได้ดำเนินการในเว็บไซต์ของคุณอันเป็นผลมาจากโฆษณาของ Facebook
    2. คลิก “บันทึก” ที่มุมซ้ายบน
    ติดตามจำนวนรายการที่ผู้คนหยิบใส่ตะกร้า
      1. ไปที่ส่วน “คอนเวอร์ชั่นที่กำหนดเอง” ในตัวจัดการโฆษณา
      2. คลิก “สร้างคอนเวอร์ชั่นที่กำหนดเอง
      1. พิมพ์ URL ที่ปรากฎขึ้นเมื่อผู้คนคลิกเพื่อหยิบใส่ตะกร้าในเว็บไซต์ของคุณ
      2. คลิก “เลือกหมวดหมู่
      3. เลือก “หยิบใส่ตะกร้า
      1. ตั้งชื่อกิจกรรมของคุณ ใช้ชื่อที่มีคำอธิบายเพื่อให้คุณสามารถติดตามเหตุการณ์นี้ในกรณีที่คุณวางแผนที่จะทำเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่นให้มากขึ้น คุณยังสามารถคลิกเพื่อเพิ่มคำอธิบายสำหรับเหตุการณ์ของคุณ
    1. ทำเครื่องหมายในกล่องหากคุณต้องการตั้งค่าของคอนเวอร์ชั่น (จำนวนค่าที่มีต่อคุณเมื่อมีคนเพิ่มสินค้าลงในตะกร้าของพวกเขา) เช่น ถ้าจำนวนการสั่งซื้อเฉลี่ยของคุณคือ 100 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วทั่วไป 3 ใน 10 ครั้งที่สินค้าได้รับการเพิ่มลงในตะกร้าจะจบลงด้วยการซื้อ ดังนั้นคุณอาจกล่าวได้ว่าค่าคอนเวอร์ชั่นสำหรับบางคนที่เพิ่มสินค้าลงในตะกร้าคือ 30 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อไป คุณมีตัวเลือกที่จะตั้งค่าของคอนเวอร์ชั่น
    2. คลิก “สร้าง” เพื่อตั้งค่าคอนเวอร์ชั่นแบบกำหนดเองให้สมบูรณ์

    ตรวจสอบว่าพิกเซลของคุณทำงานอยู่หรือไม่

    หลังจากคลิก “บันทึก/เผยแพร่” ที่ด้านบนสุดของแดชบอร์ด Tealium คุณควรตรวจดูว่าพิกเซลของคุณทำงานตามปกติหรือไม่ วิธีตรวจสอบว่าพิกเซลของคุณทำงานตามปกติ

      1. ไปที่หน้าเว็บที่ใช้วางพิกเซล หากพิกเซลทำงาน ก็จะส่งข้อมูลกลับมาที่ Facebook และคุณจะเห็นกิจกรรมในหน้าพิกเซลของ Facebook ในตัวจัดการโฆษณา และสถานะของพิกเซลจะตั้งเป็น “ใช้งานอยู่” โปรดทราบว่า คอลัมน์กิจกรรมทำหน้าที่รายงานเหตุการณ์คอนเวอร์ชั่นทั้งหมด โดยไม่สำคัญว่า กิจกรรมเหล่านี้จะมีความเชื่อมโยงกับโฆษณาหรือไม่ก็ตาม
      1. หากไม่ได้ผล (ยังไม่มีกิจกรรม ไม่มีกิจกรรมล่าสุด) ใช้ ตัวช่วยพิกเซลของ Facebook เพื่อแก้ไขปัญหา โปรดทราบว่าคุณต้องใช้เบราว์เซอร์ Chrome เพื่อให้พิกเซลทำงานได้ตามปกติ เมื่อติดตั้งตัวช่วยพิกเซลเรียบร้อยแล้ว ไอคอนขนาดเล็ก  จะปรากฏอยู่ด้านข้างแถบที่อยู่เว็บไซต์ของคุณ ไปยังเว็บไซต์ของคุณโดยใช้เบราว์เซอร์ Chrome แล้วคลิกที่ไอคอนตัวช่วยพิกเซล

    หน้าต่างป๊อปอัพจะอธิบายว่ามีพิกเซลใดที่อยู่ในหน้านั้น และพิกเซลนั้นมีการโหลดอย่างสมบูรณ์หรือไม่ ไม่เช่นนั้น จะมีการแสดงเคล็ดลับสาเหตุที่มีการโหลดไม่สมบูรณ์

  • BigCommerce

    การใช้ BigCommerce บน Facebook

    คุณต้องการอัพเดตพิกเซลของคุณหรือไม่ หากคุณเพิ่มพิกเซลของ Facebook ในโค้ดของเว็บไซต์ของคุณด้วยตนเอง คุณต้องลบโค้ดพิกเซลเก่าออกจากเว็บไซต์ของคุณก่อนที่จะปฏิบัติตามขั้นตอนด้านล่างนี้

    ก่อนที่คุณจะเริ่ม

    • เรียนรู้เกี่ยวกับข้อดีของการใช้พิกเซลของ Facebook
    • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณสามารถเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ BigCommerce ของเว็บไซต์ของคุณได้

    หากเว็บไซต์ของคุณใช้ BigCommerce คุณสามารถสร้างพิกเซลของ Facebook ได้ โดยไม่จำเป็นต้องแก้ไขโค้ดใดๆ ของเว็บไซต์ของคุณ ปฏิบัติตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเชื่อมต่อพิกเซลของ Facebook ของคุณและเพจเข้ากับบัญชีผู้ใช้ BigCommerce ของคุณ

    ติดตั้งแอพ

    1. ไปที่ https://www.bigcommerce.com/apps/facebook-ads-extension
    2. คลิก รับแอพเดี๋ยวนี้
    3. เข้าสู่ระบบบัญชีผู้ใช้ BigCommerce ของคุณ
    4. ตรวจสอบว่าข้อมูลของคุณถูกต้อง แล้วคลิก “ยืนยัน

    ตั้งค่าช่องทาง Facebook ของคุณ

    หากคุณติดตั้งตัวจัดการช่องทาง BigCommerce ของคุณสำหรับ Facebook แล้ว ให้ข้ามไปยังขั้นตอนถัดไป

    ดูคำแนะนำทีละขั้นตอนที่ด้านล่างนี้สำหรับการติดตั้งช่องทาง Facebook ของคุณในตัวจัดการช่องทาง BigCommerce

      1. เลือก “ตัวจัดการช่องทาง” จากแผงควบคุม BigCommerce
      1. คลิก Facebook
      1. คลิก “เริ่มต้นใช้งาน
      1. คลิก ดำเนินการต่อในฐานะ (ชื่อธุรกิจของคุณ)
      1. เลือก “ตกลง” หรือ “ไม่ใช่ตอนนี้
      1. พิมพ์อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ในการติดต่อธุรกิจของคุณ
      1. เลือกเพจ Facebook ของคุณจากเมนูดร็อปดาวน์
      2. คัดลอกแล้ววางลิงก์ไปยังเพจข้อกำหนดของบริการในช่องข้อกำหนดของบริการ Storefront (หากคุณมีลิงก์)
      3. เลือก “ใช้การชำระเงินบน Storefront” หากคุณต้องการให้ลูกค้าซื้อสินค้าบนเพจของคุณ หรือ “ใช้การชำระเงินบน Facebook” เพื่อให้ลูกค้าซื้อของโดยตรงบน Facebook
    1. คลิก “บันทึก
    2. คลิก “ยอมรับข้อตกลง” หลังจากที่อ่านข้อกำหนดในการบริการ

    ติดตั้งส่วนขยายโฆษณาบน Facebook

    ดูวิธีติดตั้งส่วนขยายโฆษณาบน Facebook เพื่อเชื่อมต่อพิกเซลของ Facebook และเพจ Facebook ของคุณเข้ากับร้านค้า BigCommerce ของคุณ

      1. ไปที่แดชบอร์ด BigCommerce
      2. เลือก “แอพ
      1. เลือก “ส่วนขยายโฆษณาบน Facebook
      1. เลือก “เริ่มต้นใช้งาน
      1. เลือกเพจ Facebook ของคุณ
    1. เลือก “ถัดไป
    2. เลือกพิกเซลของ Facebook ของคุณจากเมนูดร็อปดาวน์ หากคุณไม่มีพิกเซลของ Facebook คลิกลิงก์เพื่อสร้างพิกเซลบน Facebook
    3. คลิก “ถัดไป
    4. คลิก “เสร็จสิ้น

  • Magento

    การใช้ Magento บน Facebook

    ขณะนี้คุณสมบัตินี้ได้รับการรองรับสำหรับ Magento เวอร์ชั่น 1.x เท่านั้น

    ติดตั้งส่วนขยายของโฆษณาบน Facebook

    1. ดาวน์โหลด ไฟล์ส่วนขยายของโฆษณาบน Facebookหมายเหตุ: หากคุณใช้การรวบรวมข้อมูลของ Magento คุณจะต้องปิดการใช้งานก่อนที่จะติดตั้งส่วนขยายของคุณ ในการดำเนินการ ให้ไปที่ “ระบบ” คลิก “เครื่องมือ” แล้วเลือก “การรวบรวมข้อมูล
    2. ลงชื่อเข้าใช้ในแผงควบคุมของผู้ดูแล Magento
    3. คลิก “ระบบ
    4. เลือก “เชื่อมต่อ Magento” แล้วคลิก “ตัวจัดการการเชื่อมต่อ Magento
    5. คลิก “เลือกไฟล์” จากนั้นเลือกส่วนไฟล์ส่วนขยายของโฆษณาบน Facebook ใต้การอัพโหลดไฟล์แพ็คเกจ Directหมายเหตุ: ถ้าคุณติดตั้งส่วนขยายของโฆษณาบน Facebook แล้ว ก่อนอื่นคุณต้องคลิก “ยกเลิกการติดตั้ง” ที่อยู่ข้างเวอร์ชั่นก่อนหน้า แล้วจึงอัพโหลดไฟล์นี้ได้
    6. คลิก “อัพโหลด

    เชื่อมต่อ Magento กับบัญชีผู้ใช้ Facebook ของคุณ

      1. คลิก “ส่วนขยายของโฆษณาบน Facebook” จากแผงผู้ดูแลของ Magento
      2. คลิก “เริ่มต้นใช้งาน
      1. คลิก “ข้อกำหนดและเงื่อนไข” เพื่ออ่านข้อกำหนดของเรา จากนั้นคลิก “ถัดไป” เมื่อคุณพร้อม
      2. เลือกเพจบน Facebook ของคุณ ติดตั้งพิกเซลของ Facebook จากนั้นเพิ่มแค็ตตาล็อกของคุณ

    ค้นหาลูกค้าศักยภาพใหม่ๆ ด้วยโฆษณาคอนเวอร์ชั่น

    สร้างแคมเปญโดยใช้วัตถุประสงค์คอนเวอร์ชั่นเพื่อดึงดูดนักช้อปรายใหม่ๆ ให้ไปที่เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกันกับผู้คนที่ดำเนินการแล้วที่คุณสนใจ (เช่น ทำการซื้อ) และค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้

    สร้างชุดสินค้า

    ชุดสินค้าของคุณควรมีสินค้าที่คุณต้องการโปรโมท ซึ่งอาจเป็น “รายการสินค้าสำหรับปีใหม่” หรือ “สินค้าสีชมพูทั้งหมด” หรือเพียงแค่ “สินค้าทั้งหมด” ก็ได้ หากคุณไม่มีพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ คุณจะเห็นคำแนะนำสำหรับการสร้าง

    เลือกการกำหนดลักษณะแคมเปญของคุณ
    1. ไปที่ “ตัวจัดการโฆษณา
    2. คลิก “สร้างโฆษณา
    3. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” เป็นวัตถุประสงค์การตลาดของคุณ
    4. พิมพ์ชื่อแคมเปญแล้วคลิก “ดำเนินการต่อ
    5. เลือกเว็บไซต์หรือแอพที่คุณต้องการโปรโมทแล้วเลือกคอนเวอร์ชั่นพิกเซลหรือเหตุการณ์ในแอพ

      เคล็ดลับ: เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างน้อย 100 ครั้งทุกวัน ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์ของคุณมักจะมียอดขายออนไลน์วันละ 3 ยอด เราแนะนำให้เลือกเหตุการณ์เช่น “หยิบใส่ตะกร้า” หรือ “การดูเนื้อหา” แทน

      การซื้อ

    6. เลือกกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง งบประมาณ และกำหนดเวลาของคุณ จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อ
    7. เลือก “คอนเวอร์ชั่น” ใต้การปรับการแสดงโฆษณาให้เหมาะสม
    8. เลือกช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณ ช่วงเวลาคอนเวอร์ชั่นของคุณควรอิงตามระยะเวลาที่บุคคลใช้ในการดำเนินการที่สร้างมูลค่าให้เสร็จสมบูรณ์ (หรือคอนเวอร์ชั่น) หลังจากดูโฆษณาของคุณ
    9. เลือก “อัตโนมัติ” เป็นมูลค่าราคาประมูลของคุณเพื่อให้ Facebook ปรับราคาประมูลสำหรับแคมเปญของคุณให้เหมาะสม หรือคุณสามารถเลือก “ด้วยตัวเอง” เพื่อตั้งค่าต้นทุนเป้าหมายต่อผลลัพธ์ของคุณเอง
    10. พิมพ์ชื่อชุดโฆษณาของคุณ
    11. คลิก “ดำเนินการต่อ
    สร้างโฆษณาคอนเวอร์ชั่นของคุณ

เมื่อคุณเลือกการกำหนดลักษณะของแคมเปญคุณแล้ว (เช่น งบประมาณ กลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง และการกำหนดเวลา) จากนั้นให้สร้างโฆษณาของคุณ ทำตามขั้นตอนด้านล่างเพื่อเริ่มต้น:

    1. เลือกรูปแบบ “ภาพสไลด์” เพื่อนำเสนอสินค้าหลายชนิดในโฆษณาเดียว
    1. เชื่อมต่อกับเพจบน Facebook และบัญชีผู้ใช้ Instagram สำหรับธุรกิจของคุณ หากมี
    2. เลือก “เติมข้อมูลชิ้นงานโฆษณาโดยอัตโนมัติด้วยเทมเพลต
    1. เลือก “เติมข้อมูลชิ้นงานโฆษณาโดยอัตโนมัติด้วยเทมเพลต” หากคุณต้องการให้ Facebook สร้างโฆษณาของคุณโดยใช้สินค้าจากแค็ตตาล็อกหรือเว็บไซต์ของคุณ และปรับประสิทธิภาพการทำงานให้เหมาะสม หรือคุณสามารถเลือก “เลือกชิ้นงานโฆษณาของคุณด้วยตัวเอง” หากคุณมีรูปภาพสินค้าที่คุณต้องการใช้สำหรับโฆษณาของคุณ
    2. เลือก “เติมข้อมูลเทมเพลตแบบไดนามิกจากชุดสินค้า
    3. คลิก “” เพื่อเลือกแค็ตตาล็อกและชุดสินค้าของคุณด้วยตัวเอง และคุณยังสามารถใช้แค็ตตาล็อกและชุดสินค้าที่ค่าเริ่มต้นเลือกให้ได้อีกด้วย
  1. พิมพ์ข้อความพาดหัวและคำอธิบายลิงก์ของคุณ ค่าเริ่มต้นของระบบจะนำเข้าข้อมูลในช่องกรอกข้อมูลเหล่านี้ไว้ล่วงหน้าเพื่อแสดงชื่อและราคาของสินค้าคุณ
  2. เลือกการกระตุ้นให้ดำเนินการ เช่น “ซื้อเลย

ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณด้วยโฆษณาแบบไดนามิก

หากคุณเป็นธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่ขายสินค้าหลายชนิด และคุณต้องการเข้าถึงผู้คนที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ โฆษณาแบบไดนามิกอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับคุณ

เมื่อคุณอัพโหลดสินค้าของคุณไปยัง Facebook แล้ว คุณจะสามารถใช้โฆษณาแบบไดนามิกเพื่อ:

  • ปรับขอบเขตการสร้างโฆษณาของคุณ สร้างโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนที่เฉพาะเจาะจงโดยไม่ต้องตั้งค่าโฆษณาแต่ละตัวด้วยตัวเอง
  • ค้นหาลูกค้าที่เป็นไปได้ เข้าถึงผู้คนใหม่ๆ ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอยู่เสมอหลังจากที่คุณตั้งค่าแคมเปญของคุณ
  • แสดงสินค้าที่ใช่ แสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องให้ผู้คนบน Facebook และ Instagram ด้วยสินค้าที่พวกเขาได้ดูบนเว็บไซต์ของคุณ
  • เข้าถึงผู้คนได้ทุกที่บนทุกอุปกรณ์ แสดงโฆษณาให้กับผู้คนที่ใช้อุปกรณ์มือถือ เดสก์ท็อป และแท็บเล็ตบน Facebook และ Instagram
สร้างโฆษณาแบบไดนามิกชิ้นแรกของคุณ

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว คุณสามารถเริ่มสร้างโฆษณาแบบไดนามิกได้โดยไปที่ตัวจัดการโฆษณาหรือเลือก “สร้างโฆษณา” บนหน้า Facebook สำหรับ WooCommerce

    1. จากตัวจัดการโฆษณา ให้คลิก “สร้างโฆษณา
    2. เลือก “โปรโมทแค็ตตาล็อก
    1. เลือกแค็ตตาล็อก จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อ
  1. เลือกชุดสินค้าที่มีอยู่หรือสร้างใหม่
  2. เลือกกลุ่มเป้าหมาย ตำแหน่งการจัดวาง งบประมาณ และกำหนดเวลาของคุณ จากนั้นคลิก “ดำเนินการต่อหมายเหตุ: ดูหลักปฏิบัติที่ดีที่สุดในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับคุณได้ที่หลักปฏิบัติที่ดีที่สุดของโฆษณาแบบไดนามิกบน Facebook
  3. เลือกรูปแบบ เพจบน Facebook และบัญชีผู้ใช้ Instagram ของคุณหากเชื่อมต่อแล้ว
  4. พิมพ์ป้อนข้อความโฆษณาของคุณโดยตรง หรือใช้ “+” เพื่อเลือกองค์ประกอบแบบไดนามิก เช่น ราคา
  5. เพิ่มปุ่มกระตุ้นให้ดำเนินการ
  6. ดูตัวอย่างโฆษณาของคุณทางด้านขวา เมื่อคุณพร้อม ให้คลิก “สั่งซื้อ

ติดตามการดำเนินการที่สำคัญสำหรับธุรกิจของคุณ

หลังจากที่คุณได้วางพิกเซลบนเว็บไซต์แล้ว ให้เพิ่มเหตุการณ์เพื่อติดตามการดำเนินการที่เฉพาะเจาะจงที่ผู้คนทำบนเว็บไซต์ของคุณ

เกี่ยวกับเหตุการณ์

เหตุการณ์คือการดำเนินการที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณ (เช่น เมื่อมีคนทำการซื้อ) ในการติดตามเหตุการณ์ คุณจะต้องวางโค้ดหนึ่งชิ้นไว้บนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อช่วยให้ Facebook เข้าใจเมื่อมีคนดำเนินการดังกล่าว

ตั้งค่าเหตุการณ์บนเว็บไซต์ของคุณ

    1. ไปที่ “แท็บพิกเซล” ใน “ตัวจัดการโฆษณา”
    2. คลิก “ติดตั้งเหตุการณ์
    3. คลิกที่ไอคอนปิดเปิด ข้างเหตุการณ์ที่คุณต้องการติดตาม
    1. เลือก “ติดตามเหตุการณ์เมื่อมีการโหลดหน้า” หรือ “ติดตามเหตุการณ์เมื่อมีการดำเนินการแบบอินไลน์
      1. ติดตามเหตุการณ์เมื่อมีการโหลดหน้า: เลือกตัวเลือกนี้ถ้าการดำเนินการที่คุณสนใจเป็นการดำเนินการที่ติดตามได้เมื่อมีคนเข้ามายังหน้าใดหน้าหนึ่ง เช่น หน้ายืนยันหลังจากเสร็จสิ้นการซื้อ
      2. ติดตามเหตุการณ์เมื่อมีการดำเนินการแบบอินไลน์: เลือกตัวเลือกนี้ถ้าคุณต้องการติดตามการดำเนินการที่เกิดจากการคลิกบางสิ่ง (เช่น ปุ่มหยิบใส่ตะกร้าหรือปุ่มซื้อ)
    1. เพิ่มพารามิเตอร์ของเหตุการณ์ เช่น ค่าคอนเวอร์ชั่นหรือสกุลเงิน เพื่อวัดผลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ของคุณ (แนะนำ)
  1. คัดลอกโค้ดเหตุการณ์นี้และวางไว้ในหน้าที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ของคุณ อย่าทำการแก้ไขโค้ดพิกเซลที่คุณได้วางไว้ในส่วนหัวของเว็บไซต์แล้ว
    1. สำหรับเหตุการณ์เมื่อมีการโหลดหน้า: วางโค้ดด้านล่างต่อจากส่วนที่ปิดส่วนหัวของหน้า (สำหรับเว็บไซต์ส่วนใหญ่ ตำแหน่งนี้จะอยู่หลังจากแท็กเปิด <body> พอดี)
    2. สำหรับเหตุการณ์เมื่อมีการดำเนินการแบบอินไลน์:เพิ่มโค้ดกิจกรรมไว้ระหว่างแท็กสคริปต์ข้างการดำเนินการที่คุณต้องการติดตาม (เช่น ปุ่ม)

หากคุณต้องการให้พิกเซลของ Facebook ส่งสัญญาณเมื่อมีการคลิกปุ่มที่กำหนด คุณจะต้องอัพเดตโค้ดเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้ากับการดำเนินการ ภายใต้ส่วน “ติดตามเหตุการณ์ในเพจ”

ตอนนี้คุณได้ทำการตั้งค่าเหตุการณ์บนเว็บไซต์ของคุณเรียบร้อยแล้ว ทำขั้นตอนเหล่านี้ซ้ำอีกครั้งสำหรับเหตุการณ์อื่นๆ ในรายการที่คุณต้องการติดตาม

หากไม่พบเหตุการณ์ที่คุณต้องการติดตาม

หากคุณต้องการติดตามเหตุการณ์ที่ไม่อยู่ในรายการ เหตุการณ์ที่กำหนดเองแตกต่างจากเหตุการณ์ที่ยกตัวอย่างข้างต้น เนื่องจากไม่สามารถใช้เพื่อติดตามและปรับให้เหมาะสมได้หากไม่มีการดำเนินการเพิ่มเติม

หากคุณต้องการให้พิกเซลของ Facebook ส่งสัญญาณเมื่อมีการคลิกปุ่มที่กำหนด คุณจะต้องอัพเดตโค้ดเพื่อเชื่อมโยงเหตุการณ์เข้ากับการดำเนินการภายใต้ส่วน “ติดตามเหตุการณ์ในเพจ”

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพิกเซลของคุณทำงานถูกต้อง

ตัวช่วยพิกเซลของ Facebook เป็นเครื่องมือแนะนำวิธีแก้ไขปัญหาที่ช่วยคุณตรวจสอบว่าพิกเซลทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่ ตัวช่วยพิกเซลเป็นปลั๊กอินของ Chrome ที่คุณสามารถใช้เพื่อดูว่ามีการติดตั้งพิกเซลของ Facebook บนเว็บไซต์หรือไม่ หรือใช้เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาด และทำความเข้าใจกับข้อมูลที่มาจากพิกเซล

ติดตั้งตัวช่วยพิกเซล

ก่อนที่จะเริ่มต้นใช้งาน คุณต้องมีเว็บเบราว์เซอร์ของ Chrome หากคุณยังไม่มี โปรดติดตั้งเบราว์เซอร์ของ Chrome แล้วทำตามขั้นตอนเหล่านี้

    1. ไปที่ Chrome Web Store แล้วค้นหาตัวช่วยพิกเซลของ Facebook
    2. คลิก “+ เพิ่มใน Chrome
  • คลิก “เพิ่มส่วนขยาย

เมื่อคุณติดตั้งส่วนขยายเรียบร้อยแล้ว คุณจะเห็นการแจ้งเตือนว่ามีการเพิ่มปลั๊กอินไปที่ Chrome และไอคอนขนาดเล็กก็จะปรากฏขึ้นในแถบที่อยู่ของคุณ

ตรวจสอบว่าพิกเซลของคุณทำงานอยู่
    1. หลังจากที่คุณติดตั้งตัวช่วยพิกเซลเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกไอคอน “ตัวช่วยพิกเซล” ในแถบที่อยู่
    2. ตรวจสอบหน้าต่างป๊อบอัพเพื่อดูพิกเซลที่พบในหน้าดังกล่าว และดูว่าได้ตั้งค่าเรียบร้อยแล้วหรือไม่

หากตัวช่วยพิกเซลพบพิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณและไม่พบว่ามีข้อผิดพลาด คุณจึงจะพร้อมสำหรับการเริ่มสร้างโฆษณา Facebook ด้วยพิกเซลของคุณ

หากคุณเห็นการแจ้งเตือนที่บอกว่าไม่พบพิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณหรือพบข้อผิดพลาด ให้ตรวจสอบส่วนของการแก้ไขปัญหาด้านล่างนี้สำหรับความช่วยเหลือเพิ่มเติม

การแก้ไขปัญหาข้อผิดพลาดของพิกเซล

ตัวช่วยพิกเซลของ Facebook รายงานข้อผิดพลาดทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นเมื่อคุณติดตั้งพิกเซลในเว็บไซต์ของคุณ ข้อผิดพลาดเหล่านี้หมายถึงการที่บุคคลซึ่งดูแลจัดการเว็บไซต์ของคุณจะต้องแก้ไขบางอย่างเพื่อให้พิกเซลของคุณเริ่มทำงานได้อย่างถูกต้อง

ไม่พบพิกเซล หากคุณคลิกที่ไอคอนตัวช่วยพิกเซลในแถบที่อยู่และเห็นข้อความว่าไม่พบพิกเซลในหน้าดังกล่าว นั่นหมายถึงว่าคุณจะต้องวางโค้ดพิกเซลของ Facebook ไว้บนเว็บไซต์ของคุณ พิกเซลไม่โหลด หมายถึงการที่ตัวช่วยพิกเซลอาจพบโค้ดพิกเซลของ Facebook บนเว็บไซต์ของคุณ แต่พิกเซลไม่ส่งข้อมูลกลับมาให้จากเว็บไซต์ของคุณ อาจมีสาเหตุสองประการที่เป็นไปได้ ดังนี้
  1. หากคุณได้ตั้งค่าพิกเซลเพื่อให้ทำงานในกิจกรรมแบบไดนามิก (เช่น เมื่อมีคนคลิกปุ่มบนหน้าเว็บของคุณ) ในกรณีดังกล่าว ให้ลองคลิกปุ่มที่คุณเชื่อมกับโค้ดพิกเซลของคุณ แล้วคลิกที่ตัวช่วยพิกเซลอีกครั้งเพื่อดูว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่
  2. อาจมีข้อผิดพลาดในโค้ดพื้นฐานพิกเซลของคุณ ในกรณีนี้ คุณอาจลองลบโค้ดพิกเซลของ Facebook ที่คุณวางไว้บนเว็บไซต์ของคุณแล้วใส่โค้ดใหม่อีกครั้ง เรียนรู้วิธีค้นหาโค้ดพื้นฐานพิกเซลของคุณใน Facebook และนำมาวางไว้บนเว็บไซต์
ไม่ใช่เหตุการณ์มาตรฐาน หมายถึงการที่ตัวช่วยพิกเซลพบโค้ดเหตุการณ์บนเว็บไซต์ของคุณซึ่งไม่ตรงกับเหตุการณ์มาตรฐานของเราทั้ง 9 ข้อ ซึ่งอาจเกิดจากการพิมพ์ผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ตั้งชื่อเหตุการณ์ว่า “รายการที่ซื้อ” แทน “การซื้อ” ตรวจสอบชื่อเหตุการณ์มาตรฐานของ Facebook และโค้ดที่คุณจะต้องวางไว้บนเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้แน่ใจว่าตรงกับชื่อเหตุการณ์ในโค้ดของเว็บไซต์ของคุณแล้ว พิกเซลใช้งานซ้ำกันหลายครั้ง หมายถึง การที่พิกเซลส่งสัญญาณเดิมหลายๆ ครั้งไปที่ Facebook (ซึ่งอาจส่งผลต่อความถูกต้องในการรายงานของเว็บไซต์) ในการแก้ไขต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า คุณใส่โค้ดพื้นฐานพิกเซลของ Facebook ลงบนเว็บไซต์ของคุณแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และหากคุณมีโค้ดเหตุการณ์บนเว็บไซต์ของคุณ ให้หลีกเลี่ยงการวางโค้ดเหตุการณ์เดียวกันลงในหน้าเดียวกันหลายครั้ง ID พิกเซลไม่ถูกต้อง หมายความว่า Facebook ไม่รู้จัก ID พิกเซลในโค้ดพื้นฐานพิกเซลของ Facebook ของคุณ ในการแก้ไข คุณจะต้องแทนที่ ID พิกเซลในโค้ดพื้นฐานพิกเซลของคุณด้วย ID พิกเซลที่กำหนดให้กับบัญชีผู้ใช้โฆษณาที่กำลังใช้งาน เรียนรู้วิธีค้นหา ID พิกเซลของคุณ

การเลือกคู่มือที่ถูกต้อง

คุณควรเลือกวิธีที่จะนำมาใช้กระตุ้นยอดขายบนเว็บไซต์โดยพิจารณาจากจำนวนกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ ดูจำนวนกิจกรรมนี้ได้โดยการตรวจสอบจำนวนเหตุการณ์พิกเซลที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของคุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์พิกเซลเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ดำเนินการบางอย่างบนเว็บไซต์ของคุณ (เช่น ชมหน้าเว็บ เพิ่มสินค้าลงในตะกร้า หรือเสร็จสิ้นการซื้อ) ใน “ตัวจัดการเหตุการณ์”

ตัวเลขบ่งชี้เกณฑ์มาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจบริบทและนำคุณไปสู่คู่มือที่ถูกต้อง

  • หากเหตุการณ์พิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีน้อยกว่า 500 เหตุการณ์ คุณควรสร้างข้อมูลและฐานลูกค้าออนไลน์ก่อนเริ่มใช้การปรับให้เหมาะสมเพื่อคอนเวอร์ชั่น คู่มือเริ่มต้นของเราจะแสดงให้คุณทราบถึงวิธีการทำเช่นนั้น
  • หากเหตุการณ์พิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีมากกว่า 500 เหตุการณ์แต่น้อยกว่า 10,000 เหตุการณ์ คุณควรเริ่มทดลองใช้การปรับให้เหมาะสมเพื่อคอนเวอร์ชั่นและการกำหนดเป้าหมายแบบตามเจตนาของผู้เข้าชม คู่มือระดับปานกลางของเราจะแสดงให้คุณทราบถึงวิธีการทำเช่นนั้น
  • หากเหตุการณ์พิกเซลบนเว็บไซต์ของคุณในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีมากกว่า 10,000 เหตุการณ์ หมายความว่าคุณอยู่ในจุดที่สามารถใช้การปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่นเป็นจุดหลักของกลยุทธ์การโฆษณาได้แล้ว คู่มือระดับสูงของเราจะแสดงให้คุณทราบถึงวิธีปรับแต่งและขยายขอบเขตแคมเปญของคุณ โปรดทราบว่า หากคุณมีเหตุการณ์พิกเซลรายสัปดาห์หลายรายการ แต่ยังไม่เคยใช้การปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่นมาก่อน คุณอาจต้องการเริ่มต้นด้วยคู่มือระดับปานกลางของเรา เพื่อเรียนรู้วิธีการทำงานของการปรับให้เหมาะสมกับคอนเวอร์ชั่น

หมายเหตุ: จำนวนการทำงานของพิกเซลที่คุณเห็นคือมาตรวัดกิจกรรมทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณ ไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมที่ขับเคลื่อนโดยโฆษณาบน Facebook

เลือกคำแนะนำที่ถูกต้องโดยการคลิกลิงก์ที่ถูกต้องด้านบนเพื่อเริ่มต้นการใช้งาน คุณสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยความอดทนและความเต็มใจที่จะทดสอบและปรับเปลี่ยน

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณา แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์ @ajlink ที่นี่ Fanpage : Aj Link
เพิ่มเพื่อน
ติดตามข่าวสารไอที : www.ajlink.net  ข้อมูลจาก Facebook

By Aj.Link

อาจารย์หลิง ณิฌา CEO : inDigital Co.,Ltd.